การวัดผล, การประเมินผล , การวัดและประเมินผลทางการศึกษา ,การวัดและประเมินผล ทางการศึกษา สรุปเนื้อหาสำหรับการสอบรับราชการครูผู้ช่วย
การวัดและประเมินผล ทางการศึกษา สรุปเนื้อหาสำหรับการสอบรับราชการครูผู้ช่วย
- Advertisement -

ในการสอบรับราชการสำหรับสอบครูผู้ช่วย หรือสอบผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องใช้ความรู้เรื่องการวัดและประเมินผลทางการศึกษา ไปสอบบ่อยครั้ง วันนี้บ้านของครู MR.KRON จึงได้สรุปความรู้เรื่องการวัดผลและการประเมินผล ในแบบที่เข้าใจง่ายและตรงประเด็นเนื้อหา พร้อมตัวอย่างข้อสอบจริง ในวิชาการศึกษาประกอบแทรกในเนื้อหา อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนด้วยครับเรื่อง การวัดผลทางการศึกษา

ความแตกต่างของการวัดกับประเมินผล

ความหมายของการวัดผล

การวัดผล หมายถึง กระบวนการใดๆก็ตามที่จะได้มาซึ่งข้อเท็จจริงและข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับปริมาณ คุณภาพ โดยอาศัยเครื่องมือช่วยวัด มักออกมาเป็นตัวเลขและหน่วยกำกับ

ตัวอย่างของการวัดผล

  • MR.KRON สอบได้ 75 คะแนน โดยใช้แบบทดสอบ
  • ครูกรชั่งน้ำหนักได้ 45 กิโลกรัม

องค์ประกอบของการวัดผล

=>องค์ประกอบของการวัด 3 ประการ
1) ปัญหาหรือสิ่งที่จะวัด
2) เครื่องมือวัดหรือเทคนิควิธีในการรวบรวมข้อมูล
3) ข้อมูลเชิงปริมาณหรือเชิงคุณภาพ

=> หากเป็นข้อมูลเชิงปริมาณ
– จะต้องมีจำนวนและหน่วยวัด

=>หากเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ
– จะต้องมีรายละเอียดที่แสดงคุณลักษณะซึ่งอาจไม่ใช่ตัวเลข

ประเด็นข้อสอบจริง(บ้านของครู MR.KRON)

->(ข้อสอบครูสพฐ. 61)
การวัดผล คืออะไร………………………
ตอบ____________________


ความหมายของการประเมินผล

การประเมินผล หมายถึง กระบวนการที่กระทำต่อจากการวัดผลแล้ววินิจฉัยตัดสิน ลงสรุปคุณค่าที่ได้จากการวัดผลอย่างมีกฎเกณฑ์ และมีคุณธรรม เพื่อพิจารณาตัดสินใจว่าสิ่งนั้นดีหรือเลวเก่งหรือ อ่อน ได้หรือตก เป็นต้น

ตัวอย่างการประเมินผล

  • ครูกรเป็นคนหน้าตาดี
  • MR.KRON สอบรายวิชาฟิสิกส์ได้เกรด 4
การประเมินผล = การวัด + การตัดสินคุณค่า

องค์ประกอบของการประเมินผล 3 ประการ

1) ข้อมูลที่ได้จากการวัดผล
2) เกณฑ์การประเมิน
3) การตัดสินคุณค่าหรือการตัดสินใจ

การวัดและประเมินผลทางการศึกษา

จุดมุ่งหมายการวัดผลทางการศึกษา

1) การวัดและประเมินพื่อพัฒนาผู้เรียน

2) การวัดและประเมินผลเพื่อตัดสินผลการเรียน

ธรรมชาติของการวัดผลทางการศึกษา

1) การวัดผลทางการศึกษาเป็นการวัดทางอ้อม

  • ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สติปัญญา ความถนัด ความสนใจ บุคลิกภาพ เจตคติ ของผู้เรียนนั้น มีลักษณะเป็นสภาพทางจิตวิทยาในตัวนักเรียน เป็นนามธรรมที่ไม่สามารถวัดได้โดยตรง ไม่สามารถสังเกตเห็นหรือสัมผัสได้
  • วิธีการตรวจวัดจึงเริ่มโดยการแปลงคุณลักษณะนั้นออกมาเป็นพฤติกรรมที่วัดได้ สังเกตได้ จากนั้นจึงใช้เครื่องมือเป็นสิ่งเร้าแก่ผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนตอบสนองโดยแสดงพฤติกรรมต่างๆ ออกมา ผู้สอนจึงสามารถตรวจวัดพฤติกรรมนั้นๆ ได้ในเชิงปริมาณหรือเชิงคุณภาพแล้วแต่กรณี
  • ผลที่ได้ผู้สอนจะนำไป อ้างอิงสรุปกลับไปยังคุณลักษณะที่ประสงค์จะตรวจสอบนั้นอีกครั้ง เราจึงกล่าวว่าการวัดผลการศึกษาเป็นการวัดทางอ้อม

2) การวัดผลทางการศึกษาเป็นการวัดที่ไม่สมบูรณ์

  • การจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนเป็นการจัดตามเนื้อหาและจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ในหลักสูตรระดับชั้นต่างๆ
  • เนื้อหาและพฤติกรรมที่ต้องการให้เกิดขึ้นแก่นักเรียนจะมีอยู่มากมาย
  • ผู้ที่ทำหน้าที่วัดผลและประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคงไม่สามารถตรวจวัดหรือทดสอบให้ครอบคลุม
  • เนื่องจากข้อจำกัดของเวลา งบประมาณ ค่าใช้จ่าย และสภาพการณ์ที่เป็นจริง
  • ในทางปฏิบัตินั้นครูจะเลือกข้อสอบบางข้อที่เป็นตัวแทนของเนื้อหาและจุดมุ่งหมาย
  • ดังนั้นการวัดผลการศึกษาจึงเป็นการวัดที่ไม่สมบูรณ์ไม่ครบถ้วนทั้งหมด

3) การวัดผลการศึกษาเป็นการวัดเชิงปริมาณ และการประมินผลแสดงเชิงคุณภาพ

  • การวัดผล ที่ใช้เครื่องมือเพื่อตรวจวัดคุณลักษณะที่ต้องการจะแสดงผลในรูปของจำนวนหรือตัวเลข คือคะแนน(Score) จากแบบทดสอบ
  • การประเมินผล จะแสดงในเชิงคุณภาพ เช่น ผ่าน ไม่ผ่าน หรือประเมินเป็นระดับคะแนน A B C D E (ดีมาก ดี ปานกลาง ควรปรับปรุง ต้องแก้ไข)

4) การวัดผลการศึกษาเป็นสิ่งสัมพัทธ์

การวัดผล การศึกษานั้นข้อมูลหรือคะแนนเพียงอย่างเดียวย่อมไม่มีความหมายใดๆมากนัก เช่น MR.KRON สอบวิชาชีววิทยาได้ 30 คะแนน ไม่สามารถบอกได้ว่าคะแนนมาก-น้อย เก่ง-อ่อนเพียงใด แต่ถ้าหากจะให้คะแนนนี้มีความหมายต้องนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลอย่างอื่น ซึ่งโดยทั่วไปนิยมนำไปเปรียบเทียบ 3 แบบคือ

(1) นำคะแนนที่ได้ไปเปรียบเทียบกับคะแนนเต็ม
  • เรียกว่า ระบบเปอร์เซ็นต์ เช่น สกินเนอร์สอบได้ 20 คะแนน จากคะแนนเต็ม 50 คะแนน หรือได้ 40 เปอร์เซ็นต์ แสดงว่าทำได้คะแนนค่อนข้างน้อย
(2) นำคะแนนที่ได้เปรียบเทียบกับคะแนนเฉลี่ยของกลุ่ม
  • เรียกว่า ระบบเป็นกลุ่ม เช่น MR.KRON สอบได้ 20 คะแนนคะแนนเฉลี่ยของกลุ่มเท่ากับ 15 คะแนน แสดงว่า MR.KRON ทำคะแนนได้ค่อนข้างสูงกว่าความสามารถของกลุ่ม
(3) นำคะแนนที่ได้เปรียบ นำคะแนนที่ได้เปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดขึ้น
  • เรียกว่า ระบบอิงเกณฑ์ เช่น แดงสอบได้ 19 คะแนน ผู้สอนตั้งเกณฑ์การผ่านไว้ว่า ต้องได้ตั้งแต่ 15 คะแนนขึ้นไปแสดงว่าทำคะแนนได้ผ่านเกณฑ์

5) การวัดผลเป็นกระบวนการที่มีความคลาดเคลื่อน

การวัดผลทางการศึกษาเป็นการวัดด้านจิตวิทยาซึ่งมีตัวแปรที่เข้ามาเกี่ยวข้องมาก โอกาสที่จะเกิดความคลาดเคลื่อน (Error) หรือความผิดพลาดซึ่งมีอยู่สูง เนื่องจากผู้ดำเนินการวัดผลไม่สามารถควบคุมตัวแปรต่างๆ ได้ครบถ้วน

ดังนั้นคะแนนที่ได้จากการวัดจะเป็นผลรวมของคะแนน 2 ส่วนคือคะแนนที่แท้จริง (True Score) กับคะแนนที่คลาดเคลื่อน(Error Score) โดยคะแนนที่คลาดเคลื่อนนี้อาจเป็นไปในทางบวกหรือทางลบก็ได้

สาเหตุความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากการวัดผล

  (1) เครื่องมือที่ใช้วัดขาดความสมบูรณ์วัดไม่ตรงคุณลักษณะที่ต้องการ
  (2) ผู้จัดดำเนินการวัดผลขาดความชำนาญในการวัดผล
  (3) ความผันแปรของผู้เข้าทดสอบขณะสอบ
  (4) ความคลาดเคลื่อนในการคิดคำนวณในการรวมหรือกรอกคะแนน
  (5) ความคลาดเคลื่อนจากการสุ่มตัวอย่างเนื้อหาและพฤติกรรมไม่ถูกต้องตามหลักวิชา

6) การวัดผลการศึกษาเป็นการวัดที่ไม่มีศูนย์แท้

=>การวัดทางกายภาพ
  • การวัดทางกายภาพมีศูนย์แท้
  • เช่น ตู้สูง 0 เมตร แสดงว่าไม่มีความสูงเลย ทีวีสูง 70 เซนติเมตร ก็สามารถบอกได้ทันทีว่ามีค่าเท่าไหร่
=>การวัดผลทางการศึกษา
  • การวัดผลทางการศึกษาไม่มีศูนย์แท้มีแต่ศูนย์สมมติ
  • เช่น นักเรียนสอบวิชาการพูดภาษาไทยได้ 0 คะแนน ไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีความรู้ในการพูดเลย

ประเด็นข้อสอบจริง(บ้านของครู MR.KRON)

->(ข้อสอบครูกรณีพิเศษ 1/59)
ข้อใดไม่ใช่ธรรมชาติของการวัดและประเมินผล
ก. เป็นการวัดที่ไม่สมบูรณ์
ข. มีความคลาดเคลื่อน
ค. เป็นการวัดทางอ้อม
ง. การวัดครั้งแรกจะมีค่าใกล้เคียงที่สุด

ตอบ ง. การวัดครั้งแรกจะมีค่าใกล้เคียงที่สุด


หลักการวัดและประเมินผลทางการศึกษา

=>หลักการวัดและประเมินผลทางการศึกษาโดยทั่วไป
  1. วัดให้ตรงกับวัตถุประสงค์
  2. ใช้เครื่องมือที่ดีมีคุณภาพ
  3. มีความยุติธรรม
  4. แปลผลได้ถูกต้อง
  5. ใช้ผลการวัดให้คุ้มค่า

=>หลักการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตร
  – จุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาผู้เรียน และตัดสินผลการเรียน
  – การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
  – การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนการสอน
  – การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต้องดำเนินการด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย

ประเด็นข้อสอบจริง(บ้านของครู MR.KRON)

->(ข้อสอบครูสพฐ. 58)
การวัดผลและประเมินผล เพื่ออะไร
ตอบ พัฒนาผู้เรียน และตัดสินผลการเรียน

(ข้อสอบครูกรณีพิเศษ 2/58)
การวัดผลและประเมินผลทำเพื่อจุดหมายใด

ตอบ พัฒนาผู้เรียน และตัดสินผลการเรียน


จุดหมายการวัดและประเมินผล

1. วัดผลเพื่อและพัฒนาสมรรถภาพของนักเรียน

  • เพื่อดูว่านักเรียนบกพร่องหรือไม่เข้าใจในเรื่องไหน
  • ครูจะสามารถพัฒนาศักยภาพผู้เรียนให้ดีขึ้น

2. วัดผลเพื่อวินิจฉัย

  • เพื่อค้นหาจุดบกพร่องของนักเรียนที่มีปัญหาว่ายังไม่เกิดการเรียนรู้ตรงจุดใดเพื่อหาทางช่วยเหลือ

3. วัดผลเพื่อจัดอันดับ

  • เพื่อจัดอันดับความสามารถของนักเรียนในกลุ่มเดียวกันว่าใครเก่งกว่า
  • ใครควรได้อันที่ 1 2 3

4. วัดผลเพื่อเปรียบเทียบ

  • เพื่อเปรียบเทียบพัฒนาการของผู้เรียนหลังเรียนจบ
  • เช่น การทดสอบก่อนเรียน/หลังเรียนแล้วนำผลมาเปรียบเทียบกัน

5. วัดผลเพื่อพยากรณ์

  • เพื่อทำนายว่า เด็กคนไหนเหมาะกับการเรียนต่ออะไรจึงจะ ไม่ถูกออกกลางคัน หรือประกอบอาชีพอะไรจึงจะประสบความสำเร็จ

6. วัดผลเพื่อประเมินผล

  • เพื่อนำผลที่ได้มาตัดสินหรือสรุปคุณภาพของการจัดการศึกษาว่ามีประสิทธิภาพสูงหรือต่ำ ควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร

ปรัชญาของการวัดและประเมินผล

ชวาล แพรัตกุล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการวัดผลของไทย ได้ให้ความหมายปรัชญาของการวัดและประเมินผลการศึกษา ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในวงการศึกษาว่า

“ทดสอบเพื่อค้นและพัฒนาสมรรถภาพของมนุษย์”

ชวาล แพรัตกุล บิดาแห่งการวัดผลของไทย

ระดับของมาตรการในการวัด

ระดับของมาตรการวัด แบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ

ระดับที่ 1
มาตรการวัดระดับนามบัญญัติ(Nominal Scale)

  • ตัวเลขในระดับนามบัญญัติไม่สามารถนำมาบวก ลบ คูณ หาร หรือหาสัดส่วนได้
  • เช่น เพศชาย ใช้ เลข1 เพศหญิงใช้เลข 2 เป็นต้น

ระดับที่ 2
มาตรการวัดระดับเรียงอันดับ (Ordinal Scales)

  • ตัวเลขที่บอกความหมายในลักษณะมาก-น้อย สูง-ต่ำ เก่ง-อ่อน กว่ากัน
  • ตัวเลขอันดับที่แตกต่างกันไม่สามารถบ่งบอกถึงปริมาณความแตกต่างได้
  • เช่น ไม่สามารถบอกได้ว่าผู้ที่ประกวดร้องเพลงได้รางวัลที่ 1 มีความเก่งมากกว่าผู้ที่ได้รางวัลที่ 2 ในปริมาณเท่าใด
  • ตัวเลขในระดับนี้สามารถนำมาบวกหรือลบกันได้

ระดับที่ 3
มาตรการวัดระดับช่วง (Interval Scale)

  • ไม่มี 0 (ศูนย์)แท้
  • มีแต่ 0 (ศูนย์)สมมติ
  • เช่น อุณหภูมิ 0 องศา มิได้หมายความว่าจะไม่มีความร้อน เพียงแต่มีความร้อนเป็น 0 องศาเท่านั้น
  • ตัวเลขในระดับนี้สามารถนำมาบวก ลบ คูณ หรือหารกันได้

ระดับที่ 4
มาตรการวัดระดับอัตราส่วน (Ratio Scale)

  • เป็นระดับที่สามารถกำหนดค่าตัวเลขให้กับสิ่งที่ต้องการวัด
  • มี 0 (ศูนย์)แท้
  • ระดับนี้สามารถนำตัวเลขมาบวก ลบ คูณ หาร หรือหาอัตราส่วนกันได้
  • สามารถบอกได้ว่า ถนนสายหนึ่งยาว 50 กิโลเมตร ยาวเป็น 2 เท่าของถนนอีกสายหนึ่งที่ยาวเพียง 25 กิโลเมตร

นิยามศัพท์ การวัดและประเมินผล การเรียนรู้
ตามหลักสูตรแกนกลาง

การวัดและประเมินผล

  • เป็นกระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูล ร่องรอย หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียนอย่างเป็นระบบ
  • เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาและเรียนรู้อย่างเต็มตามศักยภาพ
  • การวัดและประเมินผลการเรียนรู้สามารถจัดให้มีขึ้นทั้งระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ

การประเมินการปฏิบัติ

  • ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Performance assessment
  • เป็นการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่ต้องการให้ผู้เรียนได้แสดงความรู้ความสามารถด้วยการปฏิบัติหรือผลิตผลงานรูปแบบที่ใช้ในการประเมินการปฏิบัติมีหลายรูปแบบ
  • เช่น การอภิปราย การออกแบบ การทดลอง การทำโครงงานการทำชิ้นงาน ภาระงาน การสาธิต เป็นต้น

การประเมินตามสภาพจริง

  • ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Authentic assessment
  • เป็นการวัดและประเมินผลการเรียนรู้จากการที่นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติงาน
  • ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการนำความรู้และทักษะที่เรียนไปใช้ในสภาพและสถานการณ์จริง
  • เชื่อมโยงใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงมากที่สุด
  • มักมีการกำหนดชิ้นงานหรือภาระงานให้ผู้เรียนปฏิบัติ และมีการใช้เครื่องมือการวัดและประเมินผลที่มีเกณฑ์ พร้อมทั้งคำอธิบายคุณภาพงานตามเกณฑ์ไว้อย่างชัดเจน

ประเด็นข้อสอบจริง(บ้านของครู MR.KRON)

->(ข้อสอบครูกทม. 59)
Authentic Assessment คืออะไร

ตอบ การประเมินตามสภาพจริง


การประเมินผลย่อย

  • ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Formative assessment
  • เป็นการประเมินผลระหว่างการเรียน
  • ทำให้ทราบว่าพัฒนาการของผู้เรียนอยู่ในขั้นใด มีจุดดีหรือบกพร่องใดที่ต้องเสริมสร้างให้ดีขึ้น
  • การประเมินผลลักษณะนี้ควรกระทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาพิจารณาปรับปรุงการเรียนการสอน ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพและพัฒนาไปสู่คุณภาพตามมาตรฐาน

ประเด็นข้อสอบจริง(บ้านของครู MR.KRON)

->(ข้อสอบครูสพฐ. 61)
สอบวัดประเมินความก้าวหน้าหรือสอบย่อย จุดประสงค์เพื่ออะไร
ตอบ เพื่อปรับปรุงหรือแก้ไขในการเรียนการสอน


การประเมินผลรวม

  • ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Summative assessment
  • การประเมินผลการเรียนรู้เมื่อสิ้นสุดการเรียนการสอนในแต่ละหน่วยหรือแต่ละรายวิชาเพื่อศึกษาว่านักเรียนมีความรู้เพียงใด หรือมีจุดอ่อนที่ใดจะต้องปรับปรุงแก้ไขโดยเทียบเคียงกับระดับคุณภาพตามที่มาตรฐานกำหนด

รูบริค(Rubric)

  • ใช้เกณฑ์การให้คะแนน(Scoring rubrics) เป็นแนวการให้คะแนนซึ่งสามารถแยกแยะระดับต่างๆ ของความสำเร็จในการเรียน หรือการปฏิบัติงานของนักเรียนได้อย่างชัดเจน
  • มีระดับการให้คะแนนตั้งแต่ต้องแก้ไขปรับปรุง ถึงระดับดีมาก
  • เกณฑ์ มีระดับสเกลชัดเจนในการให้คะแนน เช่น 5, 4, 3, 2, 1, 0
  • ช่วยให้การประเมินผลมีความชัดเจนเที่ยงตรง และเชื่อมโยงสัมพันธ์กับมาตรฐานการเรียนรู้

ประเภทของรูบริค(rubric)

1.รูบริคแบบองค์รวมหรือภาพรวม (holistic scoring rubric)

– เป็นเกณฑ์การให้คะแนนการปฏิบัติ/ผลงาน โดยพิจารณาภาพรวมของการ ปฏิบัติ/ผลงาน ที่มีการบรรยายคุณภาพลดหลั่นตามระดับคุณภาพ

2.รูบริคแบบแยกองค์ประกอบ (analytic scoring rubric)

– เป็นเกณฑ์การให้คะแนนการปฏิบัติ/ผลงาน โดยพิจารณาคุณภาพของชิ้นงานป็นรายองค์ประกอบหรือรายมิติ ที่มีการบรรยายคุณภาพลดหลั่นตามระดับ คุณภาพ
– เหมาะสำหรับการประเมินความก้าวหน้าที่ต้องการให้ข้อมูลย้อนกลับ (feedback)เพื่อให้ผู้เรียนได้ปรับปรุงและพัฒนา

ความสำคัญของรูบริค(rubric)

– ในการประเมินผู้เรียนโดยการประเมินตามสภาพจริงที่เน้นปฏิบัตินั้น ไม่มีคำตอบเฉลย ที่ตายตัวเหมือนกับแบบทดสอบแบบเลือกตอบ

– ซึ่งการประเมินชิ้นงานของผู้เรียนที่ได้ลงมือปฏิบัติ ครูจะทำการประเมินคุณภาพให้เป็นปรนัยเป็นเรื่องที่ยากที่จะทำได้จึงมีการสร้างเกณฑ์การให้คะแนนแบบ รูบริคขึ้นมา

– ไม่เหมาะกับการนำไปใช้เป็นเกณฑ์ของแบบทดสอบปรนัย

ประเด็นข้อสอบจริง(บ้านของครู MR.KRON)

->(ข้อสอบครูสพฐ. 58)
การประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรมหรือชิ้นงานโดยมีเกณฑ์ 5, 4, 3, 2, 1, 0 เป็นเกณฑ์การประเมินแบบใด
ตอบ รูบริค(rubric)

->(ข้อสอบครูสพฐ. 58)
เกณฑ์การประเมินแบบรูบริคไม่ควรให้คะแนนในเรื่องใด
ตอบ แบบทดสอบข้อปรนัย


การวัดและประเมินผล อิงมาตรฐาน

  • การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการความก้าวหน้าและความสำเร็จทางการเรียน โดยเทียบเคียงกับคุณภาพที่กำหนดไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้
  • ในระบบการศึกษาที่มีมาตรฐานเป็นเป้าหมายนั้น การวัดและประเมินผลตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งระดับชั้นเรียนระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติต้องเชื่อมโยงและสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าของผู้เรียนเมื่อเทียบเคียงกับมาตรฐานอย่างชัดเจน

หน่วยกิต (Credit)

  • ค่าน้ำหนักที่กำหนดสำหรับการเรียนแต่ละรายวิชา โดยคิดจากระยะเวลาที่ใช้ในการเรียนการสอนเพื่อบรรลุมาตรฐานหรือผลการเรียนรู้ที่ตั้งไว้สำหรับรายวิชานั้น
  • รายวิชาที่ใช้เวลาในการเรียนการสอน 40 ชั่วโมงต่อภาคเรียน มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิต

การประเมินผลระดับชั้นเรียน

  • การวัดและประเมินผลที่ควบคู่ไปในกระบวนการการเรียนการสอน
  • ครูผู้สอนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการดำเนินการ มีจุดมุ่งหมายสำคัญในการหาคำตอบว่าผู้เรียนมีความก้าวหน้าด้านความรู้ทักษะ คุณธรรม ค่านิยม อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่เพียงใด
  • การวัดและประเมินผลระดับชั้นเรียนควรเน้นการประเมินเพื่อพัฒนาและประเมินตามสภาพจริง โดยใช้วิธีการที่หลากหลาย และมีการประเมินอย่างต่อเนื่อง

การประเมินผลระดับเขตพื้นที่การศึกษา

  • เป็นการวัดและประเมินผลที่ดำเนินการโดยเขตพื้นที่การศึกษา
  • เพื่อตรวจสอบคุณภาพผู้เรียนในโรงเรียนที่อยู่ในความรับผิดชอบของเขตพื้นที่การศึกษาแต่ละแห่ง
  • โดยมีการรายงานผลแก่สถานศึกษาและชุมชนได้รับทราบ
  • เพื่อให้ทราบว่าสถานศึกษาแต่ละแห่งสามารถจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียน
    • ได้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดหรือไม่เพียงใด
    • หากมีข้อบกพร่องใดก็จะได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขต่อไป

การประเมินคุณภาพระดับชาติ

  • การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่ดำเนินการโดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบระดับชาติ
  • ประเมินผู้เรียนที่เรียนอยู่ในชั้นปีสุดท้ายของแต่ละช่วงชั้น ได้แก่
    • ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สอบ RT
    • ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สอบ NT
    • ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สอบ O-NET
    • ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สอบ O-NET
    • และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สอบ O-NET
  • เพื่อให้ทราบว่าสถานศึกษาแต่ละแห่ง สามารถจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนได้บรรลุคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่กำหนดหรือไม่ และมีสิ่งใดจะต้องปรับปรุงแก้ไขข้อมูลที่ได้จากการประเมินจะนำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนและคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาแต่ละแห่งต่อไป

การประเมินโดยใช้แฟ้มผลงาน

  • ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า PORTFOLIO ASSESSMENT
  • การประเมินโดยใช้แฟ้มผลงาน เป็นการประเมินผลพัฒนาการการเรียนรู้ของนักเรียนตามสภาพที่แท้จริง
  • ผลงานชิ้นต่างๆ ที่รวบรวมได้นั้นแสดงถึงความรู้ ความสามารถ ความพยายาม เจตคติ และความก้าวหน้าของการเรียนรู้ของนักเรียน
  • ครูใช้แฟ้มผลงานเป็นที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนและใช้เป็นสิ่งกระตุ้นให้นักเรียนสะท้อนความคิด ความรู้สึกที่เกิดจากการทำงาน และค้นพบความก้าวหน้าของตนเอง
  • ใช้เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารกับผู้ปกครองให้ได้รับทราบข้อมูลความก้าวหน้าเกี่ยวกับพัฒนาการ การเรียนรู้ของนักเรียน
  • วัตถุประสงค์ของแฟ้มผลงาน
    1. เพื่อแสดงให้เห็นพัฒนาการและการเรียนรู้ของนักเรียน
    2. เพื่อแสดงให้เห็นกระบวนการทำงาน หรือความพยายามของนักเรียน
    3. เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการตัดสินพิจารณาความก้าวหน้าของนักเรียนเป็นรายบุคคล
    4. เพื่อเป็นเครื่องมือในการสื่อสารกับผู้ปกครองในเรื่องเกี่ยวกับนักเรียน
    5. สร้างความร่วมมือระหว่างบ้านและโรงเรียนในการพัฒนานักเรียน

ประเด็นข้อสอบจริง(บ้านของครู MR.KRON)

->(ข้อสอบครูสพฐ. 61)
จุดมุ่งหมายในการประเมินโดยใช้แฟ้มสะสมงานคืออะไร
ก. ตัดสินผลการเรียน
ข. ดูผลงานทั้งหมด
ค. ดูผลงานเด่นของนักเรียน
ง. ดูพัฒนาการของผู้เรียน

ตอบ ง. ดูพัฒนาการของผู้เรียน


บทสรุป

เราได้ทำการกลั่นกรองเนื้อหา การวัดและประเมินผลทางการศึกษา จุดหมายของบทความนี้เพื่อ ช่วยให้ผู้ที่เตรียมสอบรับราชการครูได้รับความรู้ตรงประเด็น ซึ่งบทความนี้สร้างขึ้นจากผู้มีประสบการสอบโดยตรงซึ่งแต่ละเนื้อหาได้แกะประเด็นมาจากข้อสอบจริงทั้งสิ้น เชื่อว่าบทความนี้ได้ครอบคลุมประเด็นสำคัญมากพอสมควรและหากชอบแนวการสรุปอย่าลืมสนับสนุนพวกเราด้วยการแชร์ต่อให้เพื่อน และเลี้ยงกาแฟพวกเราได้ที่พร้อมเพย์ด้านล่าง


บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง

สรุปจิตวิทยาการแนะแนว

สรุปจิตวิทยาการศึกษา

การบริหารจัดการในชั้นเรียน

เครื่องมือที่ใช้ในการวัดผล

ติดตามช่องทางyoutube

บ้านของครู MR.KRON

- Advertisement -