รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ,รัฐธรรมนูญ2560
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ,รัฐธรรมนูญ2560
- Advertisement -

วันนี้ทาง บ้านของครู MR.KRON จะนำเสนอเนื้อหา รัฐธรรมนูญ ที่ต้องสอบครูผู้ช่วย ในส่วนนี้คือ เรื่องความรอบรู้ในส่วนของ ความรู้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ซึ่งเป็นการสรุปให้ท่านได้นำความรู้ไปเพื่อสอบครูผู้ช่วย หรือสายงานอื่นที่จำเป็นต้องสอบ


สรุปรัฐธรรมนูญ2560

อำนาจอธิปไตย และความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ

อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญทาง
– รัฐสภา
– คณะรัฐมนตรี
– ศาล

☐ รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ

ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม

ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง ปวงชนชาวไทยย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน

รัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ

– บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎหรือข้อบังคับ หรือการกระทำใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทำนั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้

– เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทำการนั้นหรือวินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข


หน้าที่ของปวงชนชาวไทย(รัฐธรรมนูญ2560)

มาตรา 50 บุคคลมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้

(1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

(2) ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดินรวมทั้งให้ความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

(3) ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

(4) เข้ารับการศึกษาอบรมในการศึกษาภาคบังคับ

(5) รับราชการทหารตามที่กฎหมายบัญญัติ

(6) เคารพและไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น และไม่กระทำการใดที่อาจก่อให้เกิดความแตกแยกหรือเกลียดชังในสังคม

(7) ไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือลงประชามติอย่างอิสระโดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นสำคัญ

(8) ร่วมมือและสนับสนุนการอนุรักษ์และคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งมรดกทางวัฒนธรรม

(9) เสียภาษีอากรตามที่กฎหมายบัญญัติ

(10) ไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ


รัฐธรรมนูญ

หน้าที่ของรัฐ( รัฐธรรมนูญ2560 )

รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคน

– ได้รับการศึกษาเป็นเวลา 12 ปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย

รัฐต้องดำเนินการให้เด็กเล็ก

ได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษา

– เพื่อพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัย

– โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนเข้ามีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย

รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชน

– ได้รับการศึกษาตามความต้องการในระบบต่างๆ

– ส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต และ

– จัดให้มีการร่วมมือกันในการจัดการศึกษาทุกระดับระหว่าง รัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน

การศึกษาทั้งปวงต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียน

– ให้เป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ

– สามารถเชี่ยวชาญได้ตามความถนัดของตน           

– มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ


แนวนโยบายแห่งรัฐ( รัฐธรรมนูญ2560 )

(ม.65) รัฐพึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติ

เป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล

– เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนต่างๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกัน

– เพื่อให้เกิดเป็นพลังผลักดันร่วมกันไปสู่เป้าหมาย                  


รัฐสภา

รัฐสภา ประกอบด้วย

– สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา

– รัฐสภาจะประชุมร่วมกันหรือแยกกัน ย่อมเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

– บุคคลจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาในขณะเดียวกันมิได้

– ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานรัฐสภา

– ประธานวุฒิสภา เป็นรองประธานรัฐสภา

ในกรณีที่ไม่มีประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่อยู่หรือไม่สามารถ ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภาได้

– ให้ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่ประธานรัฐสภาแทน

ในระหว่างที่ประธานวุฒิสภาต้องทำหน้าที่ประธานรัฐสภา แต่ไม่มีประธานวุฒิสภา และเป็นกรณีที่เกิดขึ้นในระหว่างไม่มีสภาผู้แทนราษฎร

– ให้รองประธานวุฒิสภาทำหน้าที่ประธานรัฐสภา

– ถ้าไม่มีรองประธานวุฒิสภา ให้สมาชิกวุฒิสภาซึ่งมีอายุมากที่สุดในขณะนั้นทำหน้าที่ประธานรัฐสภาและให้ดำเนินการเลือกประธานวุฒิสภาโดยเร็ว


สภาผู้แทนราษฎร (รัฐธรรมนูญ2560)

(ม. 83) สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 500 คน ดังนี้

– สมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 350 คน

– สมาชิกซึ่งมาจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองจำนวน 150 คน

(ม. 84) ในการเลือกตั้งทั่วไป

– เมื่อมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับเลือกตั้งถึงร้อยละ 95 ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดแล้ว หากมีความจำเป็นจะต้องเรียกประชุมรัฐสภาก็ให้ดำเนินการเรียกประชุมรัฐสภาได้

(ม. 85) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง

– ให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ โดยให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เขตละ 1 คน

– ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งได้คนละ 1 คะแนน

(ม. 87) ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง

-ต้องเป็นผู้ซึ่งพรรคการเมืองที่ตนเป็นสมาชิกส่งสมัครรับเลือกตั้ง และจะสมัครรับเลือกตั้งเกินหนึ่งเขตมิได้

 -เมื่อมีการสมัครรับเลือกตั้งแล้ว ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือพรรคการเมืองจะถอนการสมัครรับเลือกตั้งหรือเปลี่ยนแปลงผู้สมัครรับเลือกตั้งได้เฉพาะกรณีผู้สมัครรับเลือกตั้งตายหรือขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม และต้องกระทำก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง

(ม. 88) ในการเลือกตั้งทั่วไป

-ให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง แจ้งรายชื่อบุคคล ซึ่งพรรคการเมืองนั้น มีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎร

-เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไม่เกิน 3 รายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง

-ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศรายชื่อบุคคลดังกล่าวให้ประชาชนทราบ

(ม. 95) บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

      (1) มีสัญชาติไทย แต่บุคคลผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ ต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

       (2) มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีในวันเลือกตั้ง

       (3) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 90 วันนับถึงวันเลือกตั้ง

(ม. 96) บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ในวันเลือกตั้ง เป็นบุคคลต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง

      (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช

      (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่

      (3) ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

      (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ

(ม. 97) คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

– มีสัญชาติไทยโดยการเกิด

– มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 นับถึงวันเลือกตั้ง

– เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคการเมืองเดียวเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วันนับถึงวันเลือกตั้ง Fเว้นแต่ในกรณีที่มีการเลือกตั้งทั่วไปเพราะเหตุยุบสภาระยะเวลา 90 วันดังกล่าวให้ลดลงเหลือ 30 วัน

ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ด้วย

– มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง

– เป็นบุคคลซึ่งเกิดในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง

– เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีการศึกษา

– เคยรับราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ หรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี

(ม. 99) อายุของสภาผู้แทนราษฎร

– มีกำหนดคราวละ 4 ปีนับแต่วันเลือกตั้ง

– ในระหว่างอายุของสภาผู้แทนราษฎร จะมีการควบรวมพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมิได้

เมื่ออายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง

– พระมหากษัตริย์จะได้ทรงตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ เป็นการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 45 วันนับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุ

-การเลือกตั้ง ต้องเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร

(ม. 106) ภายหลังที่คณะรัฐมนตรีเข้าบริหารราชการแผ่นดินแล้ว

-พระมหากษัตริย์จะทรงแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุด และสมาชิกมิได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

-ในกรณีที่พรรคการเมือง มีสมาชิกเท่ากัน ให้ใช้วิธีจับสลาก

-ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

วุฒิสภา (รัฐธรรมนูญ2560)

วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกจำนวน

       – 200 คน ซึ่งมาจากการเลือกกันเอง

สมาชิกวุฒิสภาต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

      >> คุณสมบัติ

          (1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด

          (2) มีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปีในวันสมัครรับเลือก

          (3) มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า 10 ปีหรือเป็นผู้มีลักษณะตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา

          (4) เกิด มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ทำงาน หรือมีความเกี่ยวพันกับพื้นที่ที่สมัครตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา

      >> ลักษณะต้องห้าม

          (1) เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

          (2) เป็นข้าราชการ

          (3) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เว้นแต่ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีนับถึงวันสมัครรับเลือก

          (4) เป็นสมาชิกพรรคการเมือง

          (5) เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง เว้นแต่ได้พ้นจากการดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีนับถึงวันสมัครรับเลือก

          (6) เป็นหรือเคยเป็นรัฐมนตรี เว้นแต่ได้พ้นจากการเป็นรัฐมนตรีมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีนับถึงวันสมัครรับเลือก

          (7) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น เว้นแต่ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีนับถึงวันสมัครรับเลือก

          (8) เป็นบุพการี คู่สมรส หรือบุตรของผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาในคราวเดียวกันหรือผู้ดำรงตำแหน่งในศาลรัฐธรรมนูญหรือในองค์กรอิสระ

          (9) เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญนี้

อายุของวุฒิสภามีกำหนด

      – คราวละ 5 ปีนับแต่วันประกาศผลการเลือก


คณะรัฐมนตรี

พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอื่นอีกประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี

– ไม่เกิน 35 คน

– มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน

– ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี

– นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง

ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

– ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี

– ต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี

– ต้องกระทำโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย

– มีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

(ม. 160) รัฐมนตรีต้อง

(1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด

(2) มีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี

(3) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

(4) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

(5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

(6) ไม่มีลักษณะต้องห้าม

(7) ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษเว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท

(8) ไม่เป็นผู้เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุกระทำการอันเป็นการต้องห้าม มาแล้วยังไม่ถึง 2 ปีนับถึงวันแต่งตั้ง


ศาลยุติธรรม

ศาลยุติธรรม มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง เว้นแต่คดีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลอื่น

ให้มีแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา

– โดยองค์คณะผู้พิพากษาประกอบด้วยผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาหรือผู้พิพากษาอาวุโสซึ่งเคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาซึ่งได้รับคัดเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คนแต่ไม่เกิน 9 คนโดยให้เลือกเป็นรายคดี

– ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

– คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา

การบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้องมีความเป็นอิสระและดำเนินการโดยคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ซึ่งประกอบด้วย

– ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน

– กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นข้าราชการตุลาการในแต่ละชั้นศาล

– ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งไม่เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการตุลาการ บรรดาที่ได้รับเลือกจากข้าราชการตุลาการไม่เกิน 2 คน


ศาลปกครอง

ศาลปกครอง

– มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีปกครองอันเนื่องมาจากการใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมายหรือเนื่องมาจากการดำเนินกิจการทางปกครองให้มีศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองชั้นต้น

☐ การบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับตุลาการศาลปกครอง ต้องมีความเป็นอิสระและดำเนินการโดยคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองซึ่ง ประกอบด้วย

– ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธาน

– กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็นตุลาการในศาลปกครอง

– ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งไม่เป็นหรือเคยเป็นตุลาการในศาลปกครองไม่เกิน 2 คน บรรดาที่ได้รับเลือกจากข้าราชการตุลาการศาลปกครอง


ศาลทหาร(รัฐธรรมนูญ2560)

ศาลทหาร

– มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาที่ผู้กระทำความผิดเป็นบุคคลซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหารและคดีอื่น

ศาลรัฐธรรมนูญ

ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 9 คนซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากบุคคล ดังต่อไปนี้

แต่งตั้งจากผู้พิพากษาในศาลฎีกา ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกามาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ซึ่งได้รับคัดเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จำนวนสามคน

แต่งตั้งจากตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าตุลาการศาลปกครองสูงสุดมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีซึ่งได้รับคัดเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด จำนวน 2 คน

แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ สาขานิติศาสตร์ ซึ่งได้รับการสรรหาจากผู้ดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี มีผลงานทางวิชาการเป็นที่ประจักษ์ จำนวน 1 คน

แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ ซึ่งได้รับการสรรหาจากผู้ดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี มีผลงานทางวิชาการเป็นที่ประจักษ์ จำนวน 1 คน

แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งได้รับการสรรหาจากผู้รับหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่า หรือตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอัยการสูงสุดมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีจำนวน 2 คน

ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

(1) พิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือร่างกฎหมาย

(2) พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภาคณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระ

(3) หน้าที่และอำนาจอื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

องค์กรอิสระ

คณะกรรมการการเลือกตั้ง(รัฐธรรมนูญ2560)

– ประกอบด้วยกรรมการจำนวน 7 คน

– พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนําของวุฒิสภา

>> กรรมการการเลือกตั้ง

– มีวาระการดำรงตำแหน่ง 7 ปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง

– ให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว

ผู้ตรวจการแผ่นดิน

-มีจำนวน 3 คนซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนําของวุฒิสภา

-จากผู้ซึ่งได้รับการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหา

>> ผู้ตรวจการแผ่นดิน

– มีวาระการดำรงตำแหน่ง 7 ปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง

– ให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

– ประกอบด้วยกรรมการจำนวน 9 คน

– พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนําของวุฒิสภาจากผู้ซึ่งได้รับการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหา

>> กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

– มีวาระการดำรงตำแหน่ง  7 ปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง

– ให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว

คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ประกอบด้วย กรรมการจำนวน 7 คน พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนําของวุฒิสภา จากผู้ซึ่งได้รับการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหา

>> กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

-มีวาระการดำรงตำแหน่ง 7 ปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประกอบด้วย กรรมการจำนวน 7 คน

– พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภาจากผู้ซึ่งได้รับการสรรหา

>> กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

– มีวาระการดำรงตำแหน่ง 7 ปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง                                           

– ให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว

การปกครองส่วนท้องถิ่นใน รัฐธรรมนูญ

 ให้มีการจัดการปกครองส่วนท้องถิ่นตามหลักแห่งการปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่น

การจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบใดให้คำนึงถึง

 – เจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่น

– ความสามารถในการปกครองตนเองในด้านรายได้ จำนวนและความหนาแน่นของประชากร และพื้นที่ที่ต้องรับผิดชอบ ประกอบกัน

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

– มีหน้าที่และอำนาจดูแลและจัดทำบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน

– ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น

ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรทราบใน รัฐธรรมนูญ

ผู้รับสนองพระราชโองการรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 คือ

–  พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ตราไว้ ณ (ประกาศใช้เคยออกข้อสอบ)

– วันที่ 6 เมษายน พุทธศักราช 2560 และเริ่มใช้เป็นต้นมา***

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีทั้งหมด

– 16 หมวด จำนวน 279 มาตรา  และ 1 บทเฉพาะกาล

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560  มี 16 หมวด

หมวด 1 บททั่วไปหมวด 9  การขัดกันแห่งผลประโยชน์
หมวด 2 พระมหากษัตริย์หมวด 10 ศาล
หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยหมวด 11 ศาลรัฐธรรมนูญ
หมวด 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทยหมวด 12 องค์กรอิสระ
หมวด 5 หน้าที่ของรัฐหมวด 13 องค์กรอัยการ
หมวด 6 แนวนโยบายแห่งรัฐหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น
หมวด 7 รัฐสภาหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
หมวด 8 คณะรัฐมนตรีหมวด 16 การปฏิรูปประเทศ

 หากคุณชอบในการสรุปของทางเรา อย่าลืมติดตามกันได้ที่ช่องทางด้านล่าง และหากคุณกำลังมองหาความรู้อื่นๆเช่น กฎหมายการศึกษาคุณสามารถเข้าไปรับชมได้ผ่านบทความอื่นๆ


Thumbnail Seller Link
ท้าชน 3 กฎหมายการศึกษา สำหรับครูผู้ช่วย
บ้านของครู MR.KRON
www.mebmarket.com
หนังสือ กฎหมายการศึกษา สำหรับครูผู้ช่วย เพื่อการสอบในปี 2566 ใช้ได้กับสังกัด สพฐ. หรือทุกสังกัดที่เกณฑ์การสอบรับราชการครู ในตำแหน่งครูผู้ช่วย หนังสือไ…
Get it now
Thumbnail Seller Link
ท้าชน 4 วิชาการศึกษา สำหรับครูผู้ช่วย เรื่อง มาตรฐานความรู้ทั่วไปในการจัดการเรียนการสอน
บ้านของครู MR.KRON
www.mebmarket.com
หนังสือวิชาการศึกษาสำหรับครูผู้ช่วย เล่มนี้เป็นเนื้อหาและข้อสอบในส่วนของภาค ข เรื่อง มาตรฐานความรู้ทั่วไปในการจัดการเรียนการสอน ได้รวบรวมความรู้ พร้อม…
Get it now
Thumbnail Seller Link
ท้าชน 2 ความรู้และลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดี สำหรับครูผู้ช่วย
บ้านของครู MR.KRON
www.mebmarket.com
หนังสือ ความรู้และลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดี สำหรับครูผู้ช่วย เพื่อการสอบในปี 2566 ใช้ได้กับสังกัด สพฐ. หรือทุกสังกัดที่เกณฑ์การสอบรับราชการครู ในตำแ…
Get it now

หากคุณร่วมแลกเปลี่ยนเรามีกลุ่มตีแตกข้อสอบครูผู้ช่วย มีความลับแนวข้อสอบดีๆ ให้ฟรี

ตีแตก ข้อสอบครูผู้ช่วย MR.KRON

▶ ช่องทางการติดตาม

เพิ่มเพื่อน

📌 facebook บ้านของครู MR.KRON
📌 YOUTUBE บ้านของครู MR.KRON
📌 Line official


- Advertisement -