1.วิธีการวิจัยที่ใช้เพื่อระบุความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสองตัวในแบบฉบับหนึ่งคือ?
1. การวิจัยเชิงระบบ
2. การวิจัยเชิงทดลอง
3. การวิจัยเชิงสัมพันธ์
4. การวิจัยเชิงลึกพื้นฐาน
เฉลย 3. การวิจัยเชิงสัมพันธ์การวิจัยเชิงสัมพันธ์
อธิบาย การวิจัยเชิงสัมพันธ์การวิจัยเชิงสัมพันธ์ (Correlational research) เป็นรูปแบบการวิจัยที่ใช้เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอย่างน้อย 2 ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล นั่นคือ การศึกษาว่าการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรหนึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของอีกตัวแปรหนึ่งหรือไม่ ดังนั้นตัวเลือก 3 การวิจัยเชิงสัมพันธ์ จึงเป็นคําตอบที่ถูกต้อง
2.สถิติที่ใช้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่มีลักษณะของการวัดแบบอย่างต่อเนื่องคือ?
1. สถิติที่ใช้วิเคราะห์ความแตกต่าง
2. สถิติที่ใช้วิเคราะห์ความสัมพันธ์
3. สถิติที่ใช้วิเคราะห์การกระจายของข้อมูล
4. สถิติที่ใช้วิเคราะห์การกระจายความถี่ของข้อมูล
เฉลย 2. สถิติที่ใช้วิเคราะห์ความสัมพันธ์
อธิบาย เมื่อต้องการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่มีลักษณะของการวัดแบบอย่างต่อเนื่อง (เช่น เกรดเฉลี่ย, รายได้, อุณหภูมิ เป็นต้น) สถิติที่เหมาะสมที่สุด คือ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ ได้แก่ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน (Pearson’s correlation coefficient) ดังนั้นตัวเลือกที่ถูกต้อง คือ B) สถิติที่ใช้วิเคราะห์ความสัมพันธ์
3.การวัดและการประเมินผลมีวัตถุประสงค์ตามข้อใด
1. การปรับปรุงการเรียนการสอน
2. ตัดสินผลการเรียนการสอน
3. ตรวจสอบพัฒนาการตามจุดประสงค์
4. ปรับปรุงการเรียนการสอนและตัดสินผลการเรียน
เฉลย 4. ปรับปรุงการเรียนการสอนและตัดสินผลการเรียน
การวัดและการประเมินผลมีวัตถุประสงค์ 2 ประการหลัก คือ ปรับปรุงการเรียนการสอน โดยนําผลการประเมินมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัดสินผลการเรียน เพื่อให้ทราบถึงระดับความสำเร็จหรือล้มเหลวในการเรียนของผู้เรียนแต่ละคน ดังนั้น ตัวเลือก 4. ปรับปรุงการเรียนการสอนและตัดสินผลการเรียน จึงเป็นคําตอบที่ถูกต้อง
4.หัวข้อวิจัยไม่ควรมีลักษณะอย่างไร
1. เป็นประเด็นที่ยังไม่มีผู้วิจัยมาก่อน
2. เป็นข้อความที่อ่านแล้วรู้ว่าศึกษาเรื่องอะไร
3. เป็นเรื่องที่แสดงถึงความต้องการจะศึกษาค้นคว้าให้ได้ความรู้ที่แน่ชัด
4. เป็นเรื่องที่มีอยู่แล้ว
เฉลย 4. เป็นเรื่องที่มีอยู่แล้ว
5.ท่านคิดว่าที่มาของปัญหาของการวิจัยสามารถหาได้จากแหล่งใด
1. จากประสบการณ์ของผู้วิจัยเอง
2. จากคำบอกเล่าของบุคคลต่างๆ
3. ข้อเสนอแนะผลการวิจัยที่มีคนทำมาแล้ว
4. ถูกทุกข้อ
เฉลย 4. ถูกทุกข้อ
6.ข้อใดเป็นวิธีการค้นหาความรู้ ข้อเท็จจริงโดยใช้เหตุผลที่ดำเนินการจากส่วนใหญ่ไปหาส่วนย่อย ซึ่งอริสโตเติลเป็นผู้นำวิธีการนี้มาใช้เป็นคนแรก
1. วิธีอนุมานหรือนิรนัย
2. วิธีอุปมานหรืออุปนัย
3. วิธีการทางวิทยาศาสตร์
4. ถูกทุกข้อ
เฉลย 1. วิธีอนุมานหรือนิรนัย
7.ขั้นตอนแรกของวิธีการทางวิทยาศาสตร์หรือการวิจัย คือข้อใด
1. ขั้นตั้งสมมุติฐาน
2. ขั้นปัญหา
3. ขั้นเก็บรวบรวมข้อมูล
4. ขั้นสรุป
เฉลย 2. ขั้นปัญหา
ขั้นตอนแรกของวิธีการทางวิทยาศาสตร์หรือการวิจัย คือ ข้อ 2. ขั้นปัญหา
=>ขั้นตอนวิธีการทางวิทยาศาสตร์หรือการวิจัยมีดังนี้
1) ขั้นปัญหา (Problem) – การกําหนดปัญหาที่จะศึกษาวิจัยอย่างชัดเจน
2) ขั้นตั้งสมมติฐาน
3) ขั้นเก็บรวบรวมข้อมูล
4) ขั้นการวิเคราะห์ข้อมูล
5) ขั้นสรุป
ดังนั้น ขั้นตอนแรก คือ ขั้นปัญหา
8.การคาดคะคำตอบที่คิดว่าน่าจะเป็นอย่างมีเหตุผลตรงกับข้อใด
1. การกำหนดปัญหา
2. การตั้งสมมุติฐาน
3. การกำหนดวัตถุประสงค์
4. นิยามศัพท์
เฉลย 2. การตั้งสมมุติฐาน
การตั้งสมมติฐาน คือ การคาดเดาหรือการคาดคะเนคําตอบล่วงหน้าที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ โดยอาศัยหลักการหรือเหตุผลที่มีอยู่ เพื่ออธิบายปรากฏการณ์หรือปัญหาที่ต้องการทําการวิจัย ซึ่งตรงตามความหมายของการตั้งสมมติฐา
9.ลักษณะงานวิจัยตรงกับข้อใดมากที่สุด
1. สามารถพิสูจน์ได้ทุกขั้นตอน
2. หาคำตอบได้ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์
3. มีขั้นตอนและระบบการศึกษาอย่างสมบูรณ์
4. เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ของสิ่งที่จะศึกษา
เฉลย 2. หาคำตอบได้ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์
10.การเขียนเค้าโครงวิจัยเปรียบได้กับสิ่งใด
1. การสำรวจที่ดินที่จะสร้างบ้าน
2. การตกแต่งบ้าน
3. การเขียนแบบแปลนบ้าน
4. การต่อเติมบ้าน
เฉลย 3. การเขียนแบบแปลนบ้าน