จิตวิทยาการแนะแนว การแนะแนว แนะแนว สอบครูผู้ช่วย

ในเรื่องของจิตวิทยาการแนะแนวเป็นเนื้อหาที่อยู่ในวิชาการศึกษาที่ ผู้เตรียมสอบรับราชการครูจะต้องศึกษาเช่นเดียวกัน หลายครั้งที่ออกข้อสอบในหัวข้อนี้เราได้ทำการสรุปเน้นจุดสำคัญตัดเนื้อหาที่เป็นส่วนขยะหรือน้ำๆ ออกแล้ว เชื่อว่าครบถ้วนตรงตามประเด็นการสอบรับราชการครูอย่างแน่นอน โดย บ้านของครู MR.KRON

การแนะแนว คืออะไร?

การแนะแนว หมายถึง กระบวนการทางการศึกษาที่ช่วยให้บุคคลรู้จักและเข้าใจตนเอง และสิ่งแวดล้อม สามารถนำตนเองได้ แก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง และพัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพ ปฏิบัติตนให้เป็นสมาชิกที่ดีของสังคมและการแนะแนวไม่ใช่การแนะนำ อาจกล่าวได้ว่าการแนะแนวเป็นการช่วยเหลือ ให้เขาสามารถช่วยตนเองได้

ข้อแตกต่างของ “การแนะแนว” กับ “การแนะนำ” ?

การแนะแนว คือ การช่วยให้เขาสามารถช่วยเหลือตัวเองด้วยตัวของเขาเอง อย่างเต็ม ศักยภาพ ผู้แนะแนวเพียงแต่แนะแนวทาง หรือชี้ช่องทางให้เท่านั้น ผู้รับบริการแนะแนวจะ เป็นผู้ตัดสินใจแก้ปัญหาเองตาม ความสมัครใจ

การแนะนำ คือ การให้เขาทำตามในสิ่งที่เชื่อว่าดีโดยรับคำปรึกษาแล้วทำตามเป็นแนวทาง อาจไม่ได้คิดเอง โดยการชี้แจงให้ทำหรือปฏิบัติ เช่น แนะนําให้ทำความดี แนะนําในการใช้ยา เป็นต้น

ประเด็นข้อสอบจริง(บ้านของครู MR.KRON)

->(ข้อสอบครูอาชีวศึกษา 59)
การแนะแนวกับการแนะนำต่างกันอย่างไร
ตอบ __________________


ปัญหาของนักเรียนที่ควรได้รับการแนะแนว

1) ปัญหาเกี่ยวกับพัฒนาการด้านร่างกายและสุขภาพ
– ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ความสะอาด โรคและการ ป้องกัน การใช้ยา
2) ปัญหาเกี่ยวกับการศึกษาเล่าเรียน
– ขี้เกียจ หนีเรียน ไม่ชอบครูบางคน ไม่ชอบเรียนบางวิชา ผลการเรียนต่ำ
3) ปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางครอบครัว
– สภาพบ้านแตกขัดแย้งกับพ่อแม่ ขาดความอบอุ่น
4) ปัญหาด้านการเงิน
5) ปัญหาเกี่ยวกบัเพอื่นต่างเพศ (เพศสัมพันธ์)
6) ปัญหาเกี่ยวกับบุคลิกภาพและสังคม
7) ปัญหาเกี่ยวกบัการใช้เวลาว่าง
8) ปัญหาเกี่ยวกับอาชีพ

ประเด็นข้อสอบจริง(บ้านของครู MR.KRON)

->(ข้อสอบครูสพฐ. 60)
นักเรียนคนใดควรได้รับการแนะแนวเป็นอันดับแรก
ก. นักเรียนที่สุขภาพไม่แข็งแรง
ข. นักเรียนที่ประหม่าเวลาพูดหน้าชั้นเรียน
ค. นักเรียนที่ไม่ชอบเรียนในบางวิชาเช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ
ง. นักเรียนที่ต้องการหารายได้พิเศษเพราะพ่อแม่แยกทางกัน

ตอบ ก. นักเรียนที่สุขภาพไม่แข็งแรง

ปรัชญาการแนะแนว

1) บุคคลแต่ละคนย่อมมีความแตกต่าง
2) มนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีค่าสูงยิ่ง
3) บุคคลย่อมมีศักดิ์ศรีและศักยภาพประจำตัว
4) บุคคลแต่ละคนย่อมต้องการความช่วยเหลือ
5) บุคคลจะมีความสุขเมื่อได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ในด้านต่าง ๆ
6) พฤติกรรมทุกอย่างย่อมมีสาเหตุ

หลักการของการแนะแนว

1) มุ่งพัฒนาบุคคลให้เจริญงอกงามทุกด้าน และให้โอกาสที่จะบรรลุจุดสูงสุดแห่งศักยภาพของแต่ละบุคคล
2) ยึดบุคคลเป็นศูนย์กลาง ยอมรับในศักดิ์ศรี ยอมรับในความต้องการ และความแตกต่างระหว่างบุคคลเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เลือกตามความถนัดและความสนใจ
3) มุ่งให้บุคคลรู้จักตนเอง ช่วยตนเอง ปกครองตนเอง นำตนเอง และมีความมั่นคงไม่ยอมให้สิ่งใดชักจูงไปในทางเสียหาย
4) มุ่งให้บุคคลฉลาด รู้จักใช้ ปัญญาแสวงหาความรู้ เลือก ตัดสินใจ แก้ปัญหาอย่างรอบคอบ
5) มุ่งแก้ปัญหาระยะยาว ใช้วิธีป้องกันพัฒนาบุคคลไปในขณะเดียวกัน
6) การพัฒนาบุคคลต้องคำนึงถึงอิทธิพลขง ครอบครัว สังคม และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทางด้านวัตถุและจิตใจ

ประเภทของการแนะแนว

1) การแนะแนวการศึกษา (Education Guidance)
– ช่วยให้นักเรียนรู้จักเลือกและปรับตัวได้ อย่างเหมาะสมในเรื่องการศึกษาเล่าเรียน ของตน
– ทั้งยังช่วยให้นักเรียนสามารถ วางแผนการศึกษาต่อไดอ้ย่างเหมาะสม

2) การแนะแนวอาชีพ (Vocational Guidance)
– ให้ความช่วยเหลือนักเรียนเกี่ยวกับการวางแผน และตัดสินใจเลือกอาชีพ เพื่อช่วยให้นักเรียนได้
– ค้นพบอาชีพที่เหมาะสมกับความสามารถ ความ ถนัดความสนใจ และสภาพร่างกายของตน

3) การแนะแนวส่วนตัวและสังคม (Personal and Social Guidance)
– เป็นการช่วยให้นักเรียนเกิดความเข้าใจตนเองและสภาพแวดล้อม
– ทำให้สามารถมีชีวิตและปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

ประเด็นข้อสอบจริง(บ้านของครู MR.KRON)

->(ข้อสอบครูกรณีพิเศษ. 60)
ข้อใดไม่ใช่ประเภทของการแนะแนว
ก. การแนะแนวการศึกษา
ข. การแนะแนวอาชีพ
ค. การแนะแนวการเงิน
ง. การแนะแนวส่วนตัวและสังคม

ตอบ ค. การแนะแนวการเงิน


บริการแนะแนว

1) บริการสำรวจนักเรียนเป็นรายบุคคล

  • ครูทำการศึกษารวบรวมและจดบันทึกเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับผู้เรียน
  • เพื่อที่จะทำความรู้จักและเข้าใจผู้เรียนให้มากยิ่งขึ้น
  • ซึ่งจะส่งผลให้ครูสามารถให้ความช่วยเหลือผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ทั้งยังช่วยให้ผู้เรียนได้รู้จักและเข้าใจตนเองดีขึ้นด้วย

2) บริการสนเทศ

บริการสนเทศ(Information Service)คือ สื่อ หรือสิ่งที่จัดขึ้นเพื่อให้ข่าวสารความรู้แก่นักเรียนทางด้านต่างๆ ได้แก่

  • การจัดหาเอกสารให้บริการในห้องแนะนแนว
  • การจัดสื่อการเรียนรู้ อาทิ วีดีโอการแนะแนวการศึกษาต่อ
  • การจัดป้ายนิเทศ
  • การจัดบรรยายจากวิทยากรและนักศึกษารุ่นพี่
  • การจัดนิทรรศการงานแนะแนว

3) บริการให้คำปรึกษา

บริการให้คำปรึกษา (Counseling Service) เป็นหัวใจของการแนะแนว ซึ่งถือว่าเป็นบริการที่สำคัญที่สุดในบริการแนะแนว

บริการให้คำปรึกษา

– เป็นกระบวนการที่มีหลักการ ขั้นตอน และจุดมุ่งหมายในการปรึกษา
– เป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้การปรึกษากับผู้รับการปรึกษา
– โดยผู้ให้การปรึกษาประยุกต์ใช้หลักการ แนวคิดทางจิตวิทยามาเอื้ออำนวยให้ผู้รับการปรึกษาได้ตระหนักในประสบการณ์ของตนเอง

ประเภทของบริการให้คำปรึกษา

บริการให้คำปรึกษามี 2 ประเภท ได้แก่

1) ให้คำปรึกษารายบุคคล โดยนักเรียนที่มีปัญหามาพบกับครูแนะแนวด้วยตัวเอง
2) การให้คำปรึกษาแบบเป็นกลุ่ม คือ กลุ่มนักเรียนที่อาจจะมีปัญหาเหมือนกัน หรือ นักเรียนที่ถูกคัดกรองจากแบบทดสอบ SDQ ซึ่งจะได้นักเรียนเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มปกติ และกลุ่มเสี่ยง/มีปัญหา

บริการให้คำปรึกษา (Counseling Service)

– การให้การปรึกษาเชิงจิตวิทยามีความแตกต่างจากการให้คำปรึกษาแนะนำโดยทั่วไป
– ผู้ให้คำปรึกษาต้องได้รับการฝึกฝน(ครูแนะแนว)
– การปรึกษาเป็นหน้าที่ของผู้ที่รับการปรึกษาที่ต้องตัดสินใจแก้ปัญหา
– ผู้ที่ให้คำปรึกษาจะต้องมีความเข้าใจและต้องรักษาความลับของผู้มารับการปรึกษา

ประเด็นข้อสอบจริง(บ้านของครู MR.KRON)

->(ข้อสอบครูสพฐ. 59)
ถ้าเด็กนักเรียนมีปัญหา ให้คำปรึกษาและส่งเสริมการมีการทำการเรียนต่อ

ตอบ ครูแนะแนว

->(ข้อสอบครูกรณีพิเศษ. 60)
ข้อใดเป็นคุณสมบัติของผู้ที่ให้คำปรึกษาที่ดี

ตอบ การมีความเข้าใจผู้เรียน

4) บริการจัดวางตัวบุคคล

=>บริการจัดวางตัวบุคคล (Placement Service)
– ได้แก่ ลักษณะทุนต่างช่วยเหลือส่งเสริมต่างๆบริการจัดวางตัวบุคคล
– มีเพื่อให้ช่วยเหลือนักเรียนด้วยรูปแบบวิธีที่หลากหลาย
– เพื่อให้นักเรียนได้รับประสบการณ์
– ได้รับการฝึกฝนตามที่แต่ละคนได้ตัดสินใจเลือกแล้ว
– ได้เรียนตามวิชาที่ตนเองชอบประกอบอาชีพตรงตามความสามารถ
– เป็นการวางตัวบุคคลให้เหมาะสมตามที่คัดเลือก

5) บริการติดตามผล

  • เป็นการติดตามดูว่าการจัดบริการต่างๆ ที่ได้ดำเนินไปแล้วนั้น ได้ผลมากน้อยเพียงใด
  • นักเรียนที่ออกจากโรงเรียนไปแล้วนั้น ทั้งจบการศึกษาและยังไม่จบการศึกษาประสบปัญหาอะไรบ้าง
  • รวมทั้งการติดตามผลดูนักเรียนที่ยังศึกษาอยู่ในโรงเรียนและจบการศึกษาไปแล้วว่าประสบผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาหรือไม่

ประเด็นข้อสอบจริง(บ้านของครู MR.KRON)

->(ข้อสอบครู สพฐ. 61)
ข้อใดเป็นบริการต่างๆของการแนะแนวในโรงเรียน
ก. บริการคัดกรองนักเรียน
ข. บริการสำรวจนักเรียนเป็นรายบุคคล
ค. บริการสอนเสริม
ง. บริการช่วยเหลือระยะเริ่มแรก

ตอบ ข. บริการสำรวจนักเรียนเป็นรายบุคคล

->(ข้อสอบครูกรณีพิเศษ. 60)
(ข้อสอบครูกรณีพิเศษ 60) ข้อใดสำคัญที่สุดสำหรับการแนะแนว

ตอบ บริการให้คำปรึกษา

ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน

1. การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล

  • ช่วยให้ครูเข้าใจนักเรียนได้มากขึ้น และไม่ได้มาจากการคาดเดา
  • ซึ่งข้อมูลนั้นต้องสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อคัดกรองนักเรียนได้
  • ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมป้องกันและแก้ไขปัญหาของนักเรียนได้อย่างถูกทาง
  • โดยจะช่วยให้เกิดข้อผิดพลาดกับการช่วยเหลือนักเรียนได้น้อยที่สุด

ครูต้องรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ด้านดังต่อไปนี้ด้านความสามารถการเรียน
– ด้านสุขภาพ กาย ใจ พฤติกรรม
– ด้านครอบครัว เศรษฐกิจ การคุ้มครองนักเรียน

2. การคัดกรองนักเรียน

การคัดกรองนักเรียน เป็นการพิจารณาข้อมูลเพื่อสามารถจัดกลุ่มนักเรียนได้ดังนี้

1) กลุ่มปกติ คือ

  • นักเรียนที่ได้รับการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ
  • โดยทางโรงเรียนต้องให้การป้องกันและแก้ไข

2) กลุ่มเสี่ยง คือ

  • นักเรียนที่เป็นกลุมล่อแหลม
  • อาจส่งผลให้การเกิดปัญหาต่างๆ

3) กลุ่มมีปัญหา คือ

  • นักเรียนที่มีปัญหาด้านต่างๆ ตามสภาพการณ์ต่างได้
  • ตัวอย่างเช่น ปัญหาด้ายครอบคัวแตกแยก ปัญหาด้านยาเสพติด เป็นต้น

4) กลุ่มพิเศษ คือ

  • นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ มีความอัจฉริยะ
  • ควรต้องส่งเสริมให้ความสามารถพิเศษเหล่านั้นเป็นที่ประจักษ์อย่างเต็มศักยภาพของนักเรียนเหล่านั้น

3. การส่งเสริมพัฒนาให้ได้คุณภาพ

  • กิจกรรมที่ใช้เช่น การเยี่ยมบ้าน การจัดประชุมผู้ปกครอง เป็นต้น

4. การป้องกันและแก้ปัญหา

  • ให้ครูที่ปรึกษาหรือครูประจำชั้นให้คำปรึกษาในเบื้องต้นและจัดกิจกรรมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา

5. การส่งต่อ

  • หากกรณีปัญหาที่มีความยากต่อการช่วยเหลือ
  • หรือช่วยเต็มที่แล้วไม่ดีขึ้นก็ต้องดำเนินการส่งต่อไปให้แก่ผู้เชียวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้แก้ไขได้ถูกทาง

บทสรุป

เรื่องจิตวิทยาการแนะแนว ผมแยกย่อยออกมาจากเรื่องจิตวิทยาการศึกษา เพราะเนื้อหามันค่อนข้างเยอะพอสมควร แต่เรื่องนี้ผมชอบนะ เพราะเวลามันออกข้อสอบมันจะแทบว่าใครอ่านไปจำได้นี่ตอบได้เลย และมักจะถามซ้ำๆอยู่คำถามเดิมๆ ซึ่งผมลงข้อสอบจริงย้อนหลังที่เคยออกจริงมาให้หลากหลายสนามครับ

ถ้าหากอยากสนับสนุน
บ้านของครู MR.KRON
สามารถเลี้ยงกาแฟพวกเราได้ที่ บัญชีพร้อมเพย์ด้านล่างนี้นะครับ

พร้อมเพย์ 095-1753111

ขอบคุณสำหรับการสนับสนุน เพื่อเป็นกำลังใจให้สร้างสรรค์ต่อไป